เยี่ยมชม Rome(Italy)


โรม (อิตาลี: Roma; อังกฤษ: Rome) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โดยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับมิลานและเนเปิลส์ 

     นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน  ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย 
ขอบคุณภาพจากhttp://www.mapsopensource.com/italy

 ใน พ.ศ. 2550 โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก มากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอิตาลี  ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก  นอกจากนี้ อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์อย่างพิพิธภัณฑ์วาติกันและโคลอสเซียม ยังจัดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุด 50 อันดับแรกของโลก (ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki)
     

มาเริ่มจาก Trevi Fountain
การมาเยือนถิ่นโรม ความฝันของใครหลายๆคนคือ ต้องมาให้ถึง น้ำพุเทรวี(Trevi Fountain) ซึ่งจากที่ศึกษามาจะสวยงามและโด่งดังมาก  แต่ระหว่างช่วงที่มาเยี่ยมชมนั้นเป็นที่น่าเสียดายมากๆ ซึ่งกำลังอยู่ในระยะบูรณะ ปรับปรุง(เลยได้ภาพที่ไม่สวยอย่างที่คาดหวังไว้) :-(


น้ำพุเทรวี (อิตาลี: Fontana di Trevi, อังกฤษ: Trevi Fountain') เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต) และกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต) และน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม    น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง  ที่เป็นจุดจบของสะพานส่งน้ำแวร์จิเน (Acqua Vergine) สมัยใหม่”, สะพานส่งน้ำเวอร์โก (Aqua Virgo) และสะพานส่งน้ำของโรมันโบราณ ในปี 19 ก่อนคริสต์ศักราช  มีตำนานที่ว่าเจ้าหน้าที่โรมันพบแหล่งน้ำสะอาดราว 13 กิโลเมตรจากตัวเมืองด้วยความช่วยเหลือของสาวพรหมจารี (ภาพนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของน้ำพุปัจจุบัน) แต่เมื่อสร้างสะพานส่งน้ำขึ้นสะพานก็ยาวถึง 22 กิโลเมตร สะพานส่งน้ำ สะพานส่งน้ำเวอร์โกนี้ส่งน้ำมายังโรงอาบน้ำของมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา และใช้เป็นสะพานส่งน้ำสำหรับเมืองโรมเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปี การเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวเมืองโรมเกิดขึ้นเมื่อชนกอธที่ล้อมกรุงโรมระหว่างปี ค.ศ. 537 ถึงปี ค.ศ. 538 ทำลายสะพานส่งน้ำ โรมันยุคกลางจึงต้องหันมาใช้น้ำจากบ่อและจากแม่น้ำไทเบอร์ซึ่งใช้เป็นท่อระบายน้ำโสโครกไปด้วย  (ขอบคุณที่มาจาก http://th.wikipedia.org/wiki)



น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) ตรงกลางด้านหน้าเป็นรูปปั้นหินอ่อนของเนปจูน เทพเจ้าแห่งน้ำของชาวโรมันโบรา ใครมาเมืองนี้ก็ต้องไปโยนเหรียญที่น้ำพุแห่งนี้เพื่อให้ได้กลับมาอีกครั้ง เคล็ดลับในการโยนคือให้หันหลังให้น้ำพุ ถือเหรียญด้วยมือขวา แล้วโยนข้ามไหล่ซ้าย เขาว่ากันว่าถ้าโยนลง 2 ครั้งจะได้แฟนเป็นชาวอิตาลี 
(ขอบคุณที่มาจากhttp://cherokee.exteen.com/20080327/entry)




น้ำพุเทรวี่แห่งนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากทางสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก แต่กว่าจะออกมาสวยแบบนี้ มีการสร้างขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งลงตัวที่แบบดีไซน์ของ สถาปนิกชื่อ Francesco Salvi ในช่วงศตวรรษที่ 17 นี้เอง น้ำพุเทรวี่นี้ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างความประทับให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยที เดียว ส่วนกลางของน้ำพุนั้น ที่มีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร

 เดินออกมาด้านข้าง
 จะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก  ภาพวาดต่างๆ และร้านเครื่องดื่ม ซึ่งขายดีมาก 





เดินเรื่อยๆมาถึงคอลัมน์ โอเบลิสก์

เสาโอเบลิสก์ "โซลาเร" ในปีอัซซามอนเตชีโตริโอ
ในโรมมีเสาโอเบลิสก์สมัยอียิปต์โบราณแปดต้น และสมัยโรมันโบราณห้าต้น นอกจากนี้ยังมีเสาโอเบลิสก์ยุคใหม่อีกจำนวนหนึ่ง และยังเคยมีเสาโอเบลิสก์สมัยเอธิโอเปียโบราณตั้งอยู่อีกด้วย  เสาโอเบลิสก์บางต้นตั้งอยู่ในจัตุรัส เช่น จัตุรัสนาโวนา จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ จัตุรัสมอนเตชีโตรีโอ ปีอัซซาเดลโปโปโล และบางต้นตั้งอยู่ในบ้านพัก โรงอาบน้ำ และสวน เช่นในวิลลาเชลีมอนตานา Baths of Diocletian และ Pincian Hill นอกจากนี้ ในตัวเมืองยังเป็นที่ตั้งของคอลัมน์ทราจันและ Antonine Column ซึ่งเป็นเสาคอลัมน์สมัยโรมันโบราณ

 แล้วเดินอ้อมมาทางด้านข้างคอลัมน์
เดินทะลุมาถึงร้านไอศครีม Giolitti ที่ขึ้นชื่อของอิตาลี ซึ่งเป็นไอศครีมที่อร่อยที่สุดในโลก ร้านไอศครีมดังกล่าวมีทั้งหมดประมาณ 30,000 ร้าน ในประเทศอิตาลีเลยทีเดียว

 ลองซะหน่อย คิวยาวเหลือเกิน
ได้แระ
 แน่นไปหมดทั้งด้านนอกด้านใน


 ไม่ห่างกันจะมีแหล่งช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่มีการก่อสร้างอย่างสวยหรู


 ส่วนออกจากประตูออกไปก็จะมองเห็น  Column of Marcus Aurelius

 Column of Marcus Aurelius 
Column of Marcus Aurelius อยู่ใน Piazza Colonna ...สร้างเลียนแบบ Trajan's Column... เพื่อเสริมพระเกียรติของจักรพรรดิ Marcus Aurelius... สร้างเสร็จปี 193 ...เดิมบนยอดเป็นอนุสาวรีย์ของ Marcus Aurelius ...แต่เมื่อปี 1589... pope Sixtus V ได้สั่งให้สร้างรูปของนักบุญSt. Paul ขึ้นไปตั้งแทน
ลายแกะสลักรอบเสาเป็นเรื่องราวของจักรพรรดิที่ทำสงครามกับพวก Danubian
(ขอบคุณข้อมูลจากhttp://pantip.com/topic/30522270)



      ..... 😆😜 .....

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น